การปรับราคาน้ำมันไม่ว่าจะขึ้นหรือลง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว ยังส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจอีกด้วย และแม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ แต่มันกลับกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม จะเป็นเพราะอะไรตามไปดูกัน
ขอพาทุกท่านย้อนไปดูสถิติอัตราการปรับราคาน้ำมันตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 จนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2561 พบว่า มีการปรับทั้งหมด 9 ครั้ง ปรับลง 3 ครั้ง (6, 21 เม.ย. และ 8 พ.ค.) ปรับขึ้น 6 ครั้ง (18, 25 เม.ย. และ 1, 11, 17, 29 พ.ค.) แต่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงนี้มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น และมีความน่าสนใจ
เดือนเมษายน 61
เดือน พฤษภาคม 61
สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 61 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) สั่งให้ผู้ค้างดแจ้งข่าวการปรับราคาล่วงหน้า เพื่อการแข่งขันที่โปรงใส และหลังจากนั้นเป็นต้นมามีการปรับราคาน้ำมันทั้งหมด 5 ครั้ง ปรับลง 1 ครั้ง และปรับขึ้น 4 ครั้ง โดยเฉพาะวันที่ 11-19 พ.ค. ที่มีการปรับขึ้นรวมกัน 3 ครั้ง และน้ำมันบางชนิดปรับสูงสุดถึง 1.70 บาท
อย่างทราบกันดีว่าชาวไทยนิยมใช้รถยนต์ดีเซล นี่ยังไม่รวมภาคขนส่ง แล้วจู่ ๆ ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นมาเกือบแตะหลัก 30 บาท รวมถึงเรื่องการงดแจ้งราคาน้ำมันล่วงหน้า ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม เพราะว่าผู้ใช้รถใช้ถนนเสียประโยชน์จากการไม่รู้ราคาล่วงหน้า และนั่นทำให้วันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยอมถอยให้กลับมาประกาศราคาลวงหน้าเหมือนเดิม และจะอุ้มน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท
แม้ว่าจะมีการปรับสูตรคำนวณใหม่เพื่อกดราคาน้ำมัน ที่อาจจะทำให้ราคาน้ำมันสามารถลดลงได้ 60-80 สตางค์/ลิตร (ก่อนรวมค่าการตลาด และจัดจำหน่ายตามสถานีบริการ) แต่ราคาน้ำมันกลับเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ และสูตรดังกล่าวจะส่งผลมากน้อยแค่ไหนรอให้เวลาเป็นตัวตัดสิน
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลและขับขี่รถอย่างปลอดภัย การจัดแสดงรถยนต์อื่น ๆ ได้ที่ Thaicarlover.com ครับ