ประเด็นสาวชาวพม่าท้องแก่ที่โดนรถชนเสียชีวิตพร้อมกับลูก เหตุการณ์นี้ใครเป็นฝ่ายที่ผิดกันแน่ และค่าเสียจำนวน 1,000 บาท คืออะไร ความจริงที่คุณควรรู้ก่อนจะตัดสินใจใครจากแค่คลิป
เมื่อวันที่ 4 มกราคม จ.หวัดนครสวรรค์ได้มีการจัดพิธีงานศพ ให้ นางดาว สาวชาวพม่า ที่ถูกรถกระบะชนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดั่งกล่าวมีการสรุปเหตุการณ์แล้วว่า ผู้ที่ขับรถโดยประมาทเป็นสาวชาวพม่าที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ของตนย้อนศรขึ้นมาระหว่างแยก และรอจังหวะเพื่อข้ามฝั่ง เจ้าตัวขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมาทันทีด้วยความไม่ระวัง จึงทำให้รถกระบะที่ขับมาปรกติ เบรคไม่ทัน และชนกับมอเตอร์ไซค์เข้าอย่างจังในช่วงแยก จึงทำให้สาวชาวพม่าท้องแก่เสียชีวิตในทันที
หลังการเสียชีวิตของนางดาวสาวชาวพม่า สามีและลูกสาวของนางดาว รวมถึงเพื่อนชาวพม่าใน จ.นครสวรรค์ ได้เรี่ยไรเงินเพื่อจัดงานศพขึ้นนอกจากนี้ สามีของนางดาวยังบอกกับสื่อมวลชนว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุมา คู่กรณีไม่เคยเข้ามาขอขมาศพ หรือแม้แต่พวงหรีดสักพวงก็ไม่มี มีแต่เพียงซองที่ใส่เงินจำนวน 1,000 บาท เท่านั้นเอง และยังบอกอีกว่าคนไทยน่าจะมีความเป็นมนุษยธรรมมากกว่านี้ และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมผู้เป็นสามีก็จะดำเนินเรื่องถึงสถานทูตพม่าด้วยครับ
*** แต่ความจริงแล้วจำนวนเงิน 1,000 บาท ที่คู่กรณีใส่ซองมานั้นบอกว่าเป็นเพียงแค่ซองใส่เพื่อทำบุญเท่านั้น นายกอฟรู้สึกผิด และเสียใจทั้งยังบอกว่าตนจะขอชดใช้ค่าเสียหายให้เอง นายกอฟยังบอกด้วยว่าเมื่อเกิดเหตุตนไม่ได้หนีไปไหนเลย กำลังรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่อยู่
จากนั้นก็มีนายหน้าพม่าเดิมมาบอกกับนายกอฟให้ช่วยเหลือครอบครัวด้วยจำนวนเงิน 100,000 บาท และให้ช่วยค่าทำศพอีก 40,000 บาท นายกอฟจึงบอกไปว่าตนนั้นไม่มีเงินมากขนาดนั้น เพราะตนก็เป็นคนหาเช้ากินค่ำ และบอกว่าตนขอรอเงินจากทาง พรบ.ก่อนและจะยินดีช่วยเหลือเต็มที่และทุกจำนวน
*** ประเด็นของซองเงิน 1000 บาท ? …..จริงๆแล้วนายกอฟใส่ซองไว้เพื่อให้เป็นเงินทำบุญเท่านั้น เละฝากแฟนของตนเพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปให้กับนายจ้างชาวพม่า อาจเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าซองนี้เป็นซองช่วยเหลือค่าเสียหายต่างๆ คงจะเข้าใจผิดกันจริงๆ ละครับ
*** ทำไมนายกอฟจึงไม่ยอมไปร่วมงานพิธีศพและขอขมาศพ ? ….. นายกอฟบอกว่าวันที่ตนนำคลิปดังกล่าวไปให้ตำรวจเพื่อตรวจสอบ แฟนหนุ่มชาวพม่าบอกนายกอฟว่าจะขู่ฆ่านายกอฟ นายกอฟจึงรู้สึกกลัวและไม่กล้าไปร่วมพิธีศพ และทำให้นายกอฟไม่กล้าออกไปไหน
นายกอฟยังบอกอีกว่า ตนนั้นไม่คิดจะหนีและไม่คิดที่จะไม่รับผิดชอบ เพราะนายกอฟต้องรอเงินชดเชยจาก พรบ.ก่อน และจะช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ตนจะทำได้และขอให้สังคมเข้าใจเค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของผู้คนในสื่อออนไลน์ เมื่อทราบเหตุการณ์ทั้งสองฝ่าย ส่วนใหญ่มองว่า ต้นเหตุจริงๆ เกิดจากการขาดความรับผิดชอบต่อสังคม และการกระทำที่ผิดกฎหมาย (ขับรถย้อนศร) และเห็นใจนายกอฟที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ติดตามข่าวสารของ คนรักรถ อื่นๆ ได้ที่นี่